เดือนเอก
หนี (114 อ่าน)
11 พ.ย. 2565 07:47
หนี
คำเตือน รายการประเภทนี้ เป็นรายการที่เหมาะสำหรับผู้ชมที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป
เป็นรายการที่อาจมีภาพ เสียง หรือเนื้อหา ที่ต้องใช้บุคคลอายุยาวนานในการรับชมถึงจะเข้าใจ
ผู้ชมที่มีอายุน้อยกว่านี้ ควรได้รับคำแนะนำจากผู้สูงวัย ไม่ควรรับชมรายการประเภทนี้ตามลำพัง
“ซ่อนตัว”
กลั้นลมหายใจจนแทบจะไม่ได้หายใจ ทั้งๆที่วิ่งแบบสุดชีวิตมาจนถึงที่นี่
นิ่งไว้ นิ่งไว้ สายตาจ้องความเคลื่อนไหวที่ริมรั้วด้วยใจระทึก
ร่างของเขายืนแนบกับขอบประตูในบ้านร้างท้ายหมู่บ้านที่แทบจะไม่มีใครเยี่ยมกรายเข้ามาเป็นเวลาหลายปี
อาจจะเป็นเพราะคำร่ำลือว่าบ้านนี้มีเหตุการณ์ที่ทั้งครอบครัวมีเหตุอันเป็นไป จนไม่มีใครกล้ามาซื้อต่อ
แม้แต่ญาติของเจ้าของบ้านก็ยังไม่กล้ามารับมรดกอันมีประวัติน่ากลัวดังกล่าว
บ้านหลังนี้ถึงถูกทิ้งรกร้างตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่เขากับพวกไม่กลัวหรอกกลับสะดวกใจเสียอีก
ที่จะไม่มีใครเข้ามายุ่มย่ามวุ่นวายกับภารกิจที่ได้รับมอบหมายมา
ย้อนไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เขากับลูกน้องอีกสองคน ไอ้ชาย กับไอ้ชิต
ยังเป็นฝ่ายไล่ติดตามฝ่ายตรงข้ามเข้ามาในบริเวณนี้อยู่เลย
นึกว่าจะปิดจ๊อบง่ายๆ เสียอีก
โธ่ เว้ย!!
ไอ้นั่นมันเหมือนจะรู้ตัวมาก่อน ฉลาดเป็นกรดจริงๆ
อย่างว่าล่ะ ไม่แน่จริงมันก็ไม่น่าลอยนวลมาถึงวันนี้ได้หรอก หลายครั้งแล้วที่คลาดกันไปมา
แต่รับรองได้ วันนี้ จะเป็นวันสุดท้ายที่มันจะได้มาลอยหน้าทำหน้ากวนส้นเท้าได้อีกต่อไป
ล่อมันเข้ามาถึงในนี้ได้คนที่จะออกไปได้คนสุดท้ายคงไม่ใช่มันแน่ๆ
พับผ่าซิ
พอแยกกันออกหากลับทำให้เราเองต้องกลับมาเป็นฝ่ายถูกล่าเสียเอง
“ติดกับ”
ราวกับละครน้ำเน่าของหนังไทย พอมีคำสั่งแยกย้ายกันเมื่อเห็นเป้าหมาย
ตัวเองดันลืมของประจำกายไว้เพราะเหตุฉุกละหุก
รวมทั้งจำนวนคนที่เป็นต่อถึงชะล่าใจไม่น่าจะพลิกผันได้ถึงเพียงนี้
โทษตัวเองไปก็เท่านั้น
คงเป็นเคราะห์หามยามร้ายแบบซวยซ้ำซวยซ้อนๆๆๆๆๆๆ
ถ้าไม้ยมกไม่ขาดตลาดคงต้องใช้จนหมดแป้นพิมพ์
นัดหมายกันเสียดิบดีให้เข้าจุดประจำรอเวลา
โชคชะตาดันมาเล่นงานเสียก่อน ตัวเองดันมาปวดท้องซะอีก
นี่แหละหนา ก้อยเห็ดขม ส้มตำปลาร้า ไม่เคยไว้หน้าปราณีใครจริงๆ
ย่องแอบไปปลดทุกข์แบบระบบไร้เสียงมีเพียงกลิ่น
นั่งไประแวงไป
ดันเหลือบไปเห็นไอ้ชิตทะเล่อทะล่าเดินออกไป ในใจกำลังจะตะโกนบอกว่าเขาอยู่ทางนี้
แต่จังหวะพอดีที่ลมตีขึ้นจึงยังออกเสียงไม่ได้
ทันใดนั้น
ไอ้จ้อย
ใช่สิ ผมลืมบอกชื่อเป้าหมายของภารกิจนี้ไปเสียสนิท มันก็พุ่งออกมาเจอกับไอ้ชิตพอดี
ภารกิจส่วนตัวก็ยังไม่เสร็จดีข้าศึกกำลังโจมตีต่อเนื่อง
ใจวาบว่าไอ้ชิตเอ้ย ทำไมมันเซ่อขนาดนี้ว่ะ เผยตัวให้มันจับได้ ไหนว่านัดรอไว้ที่จุดนัดหมายแล้วไงว่ะ
สายตาจ้องไปแทบไม่กระพริบ
ก่อนจะด่ามันยาวกว่านี้ กลับพบว่าไอ้จ้อยกับไอ้ชิต เดินเข้ามาหากันแบบไม่ระวังตัวกันเลย
เวรล่ะ!!!
มิน่ามันถึงรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ คำพูดสบถนี้ไม่สามารถจะนำมาใช้ด่าลูกน้องได้อีกแล้ว เพราะต้องกลับมาด่าตัวเองที่ดูคนผิด เคยช่วยเหลือมันมาทั้งคู่ ทำงานร่วมกันมาตลอด
บ้านมันก็เคยไปนอน ไว้ใจถึงขนาดออกรับแทนได้แบบลูกผู้ชายพึงทำให้กันได้ แล้วอีกอย่างไอ้ชายไอ้ชิตเปรียบเหมือนคนคนเดียวกันแทบจะเรียกว่าตัวติดกันเลยก็ได้
ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งคู่จะต้องถูกซื้อตัวไปอย่างแน่นอน
แล้วจะทำยังไงดี จาก 3 ต่อ1 กลายมาเป็น 1ต่อ3 ยังกับคำพูดยุคนี้ที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าก็ไม่ปาน
รีบรวบกางเกงขึ้นมาระหว่างนั้นคิดในใจจะเอายังไงให้รอดกลับไปดี อาการปั่นป่วนในท้องค่อยคลี่คลาย
แต่เรื่องราวกลับคล้ายในละครหลังข่าวฉากที่พยานสำคัญเข้ามาเห็นเหตุการณ์ของตัวโกงกำลังกลุ้มรุมทำร้ายคนบริสุทธิ์
ด้วยความตกใจถึงต้องถอยเท้าออกมาโดยไม่ได้มองทำให้เหยียบกิ่งไม้หรือทำของหล่นเป็นเสียงดังขึ้น
เมื่อกลุ่มผู้ร้ายไหวตัว ทางเลือกจึงมีแค่ 2 ทาง จะถูกฆ่าปิดปากหรือถูกปิดปากฆ่าแค่นั้นเอง
ถ้าจะให้เลือกทางใดทางหนึ่งก็คงไม่อยากจะเลือกอย่างแน่นอน
ถ้ามีทางที่สามไม่ได้ ก็ขอให้ได้เป็นมือที่สาม ตามที่พี่ทัชเคยร้อง
หรือตัวสำรอง ของพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์แทนไปพลางๆก่อน
พับผ่าสิปกติไม่เคยเป็นคนสะเพร่าขนาดนี้บ่นอีกแล้ว
ออกปฏิบัติงานทุกครั้งอย่างน้อยจะต้องแอบมีอะไรติดไม้ติดมือมาสักอย่าง
ของมีคมที่เหลืออย่างเดียวคือไม้จิ้มฟัน ที่ติดมาจากร้านลาบก้อยก่อนไล่ตามไอ้จ้อยมา
อยากจะท่องกลอนจนถึงบทที่ว่า
“ถึงที่ตายก็ต้องตายวายชีวัน ไม้จิ้มฟันแทงเบาๆยังเฉาตาย” ใครแมร่ง แต่งวะ
ถ้าตัดสินใจใช้ไม้จิ้มฟันอันนี้แทงกับพวกมันไม่ได้ผลเราเกิดตายขึ้นมา
คนแต่งมันจะรับผิดชอบชีวิตกรูไหม
คิดใหม่ ค่อยถอยกายกระดึ๊บกระดึ๊บยังกับโฆษณาหนอนชาเขียวที่ฮิตเมื่อหลายปีก่อน
ใครเกิดทันห้ามยิ้มตามยังไม่ใช่เวลาจะมายิ้มตอนนี้
ตุ้บ!! ไหมละ ตูว่าแล้ว ละครมันยังกับเอาชีวิตจริงเอามาแต่ง
ขาดันไปโดนกับอะไรไม่รู้ไม่ได้ดูทำให้ของร่วงลงมายังกับในหนัง
“นั่น มันอยู่นั่น” เสียงร้องพร้อมกันของไอ้จ้อยกับไอ้ชิต มิตรทรยศ (คล้องจองดีแฮะ)
แต่ไม่มีเวลาแล้วเผ่นด้วยเกียร์หมาออกมาอย่างสุดชีวิตก่อน
ยังจะแอบคิดอีกว่าใครเป็นคนคิดเรื่องใส่เกียร์หมาขึ้นมา เกียร์หมานี้ หมาพันธุ์อะไร? วิ่งด้วยความเร็วเท่าไร?
ใครจะมาตอบก็ตอบไว้ใต้คอมเม้นนะครับถ้ายังไม่ตายจะมากดไลค์ให้ ตอนนี้ขอเอาตัวรอดก่อน
เสียงวิ่งไล่หลังมาห่างๆ เราอาศัยความชินทางและเป็นพื้นที่เข้าออกบ่อย
หลบฉากออกมาได้อย่างฉิวเฉียด
ใจคิดจะหลบออกไปสู่ถนน แล้วตัดกลับออกไปเข้าหมู่บ้านที่เป็นแหล่งชุมชน
พลางคิดไปว่า
แม้แต่คนสนิทอย่างไอ้ชิตกับไอ้ชายมันไว้ใจไม่ได้แล้ว คนที่นี่จะมีใครเหลือให้ไว้ใจได้อีก
ตัดสินใจวกกลับเข้าไปบ้านร้างดีกว่า
สาธุคิด ขึ้นมา
อย่าให้มันคิดอย่างที่กรูคิดเลย กรูรู้ว่ามันคิดแต่ไม่อยากให้มันรู้ว่ากรูคิด
ถ้ามันคิดอย่างที่กรูคิดกรูก็ไม่อยากจะคิดแล้ว
“หนี”
ครั้งแรกที่จากผู้ล่า กลายมาเป็นผู้ถูกล่า
คำว่าหนีแทบจะไม่เคยมีในสมองของตัวเองเลยตั้งแต่รับงานนี้มา
เพราะชอบเป็นผู้ล่า สุดท้ายเพิ่งเข้าใจความรู้สึกมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
มันอยู่ระหว่างรอดกับร่วง
มันเหมือนเป็นเส้นบางๆขีดระหว่างความเป็นและความตายมากกว่า
วัยขนาดนี้แล้วเมื่อถึงเวลา อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ยืนหอบมองลอดช่องตรงขอบหน้าต่างอย่างหวาดระแวง
คิดถึงลุงศรเพชร คงมีอารมณ์คนละอย่างกับเรา
ใช้มองหน้าต่างแอบดูเขาแต่งงาน แต่เราแอบดูเขาจะมาแพ่นกระบาล
เอายังไงดี จะต้องออกไปหรือซ่อนตัวจนเหตุการณ์คลี่คลาย
ภารกิจนี้นอกจากเราแล้วก็ไม่มีใครรู้
ถ้าเป็นงานปกติการหายตัวไปไม่รายงานตัวเป็นเวลานานขนาดนี้
ต้องมีการเรียกกำลังเสริมมาช่วยได้แน่ๆ แต่งานนี้ระบุให้จัดการและเก็บกวาดให้เรียบร้อย จะให้หน่วยงานภายนอกมารับรู้ไม่ได้
เพราะเป็นงานที่กฎหมายไม่รองรับ ถ้ามีความสูญเสียขึ้นมา ก็จะไม่มีใครที่ถูกอ้างว่ามีตัวตนในหน่วยงานแบบนี้ยืนยันได้เลยทำใจเถอะ
ละล้าละลังสักพักตัดสินใจเมื่อคิดว่าไม่มีความเคลื่อนไหวภายนอก
กำลังจะเตรียมออกจากบ้านที่ดูเหมือนว่าเป็นจุดอับขังตัวเอง
เสียงกุกกักมาจากด้านหลังบ้าน เอาไง(กับกรู)อีก
ชอบประตูหลังกันจริงป่าว ข้างหน้าระวัง ข้างหลังระแวง ตายๆๆๆๆ
เร็วเท่าความคิดพุ่งร่างไปยังบันได ซอยเท้าอย่าแผ่วเบายังกับใช้วิชากำลังภายในของสำนักเส้าหลิน
พยายามเบาฝีเท้าไม่ให้ภายนอกได้รู้ว่าได้ไต่ขึ้นไปชั้นสอง ฝุ่นตลบกลบหยากไย่ คลุ้งใส่เข้าเต็มหน้าเต็มตาจนตาพร่าไปหมด
แต่ไม่มีเวลาห่วงความหล่อที่พ่อให้มา ใกล้เคียงกับมาริโอจะหมองคล้ำลงความโก้ลงไป
พริบตาเดียวก็มาถึง
สภาพห้องแต่ละห้องเต็มไปด้วยฝุ่นเพราะถูกทิ้งร้างมาหลายปี
ตัดสินใจเข้าไปเปิดเข้าไปในห้องแรกสุด
กึก กึก บิดลูกบิดไม่ออก พับผ่าซิ ตัดสินใจทันทีเดินต่อไปห้องสอง แกร๊ก เข้าไปได้รีบหามุมซ่อนตัว
ดีไม่ต้องลอง ไปถึงห้องเบอร์ห้าตามที่ พี่เป้าสายัณห์ สัญญา เคยบ่นว่าเกลียดไว้
เสียงตึงตังด้านล่าง แว่วๆดัง “มันอยู่ในนี้แน่ “ เออ กรูจะไปไหนได้ ตอบแบบไม่มีเสียงในใจ
“พี่จ้อย มีรอยเท้าขึ้นไปข้างบน” เสียงลูกน้องเก่าตัวแสบยังกับทิงเจอร์ไอโอดีน แต่คนรุ่นนี้มีแต่เบตาดีน
เพราะเป็นขวดพลาสติก รสหวานกินง่าย ไม่ใช่ ตกไม่แตกเหมือนขวดยาแก้วสมัยก่อน
ถ้าวันนี้ถ้ารอดไปได้ ไอ้ชายไอ้ชิต รับรองว่าได้สิทธิ์ รักษาฟรี30 บาทกับโอกาสเพิ่มเบี้ยยังชีพคนพิการแถมอีกดอกแน่
“จนมุม”
“ออกมาเถอะ หนีไปไหนไม่รอดแล้ว อย่าเสียเวลา”
เสียงไอ้จ้อยเริงร่าเต็มที่ ยังกับถูกล๊อตเตอรีเลขท้ายสองใบในวันสุดท้ายของเดือนเหมือนจะต่อชีวิตไปได้อีกนาน
ออกไปก็โง่ดิ ตอบกับตัวเอง หรือว่าจะโง่จริงอย่างที่คิด โง่ที่ถูกหลอกทรยศ พาตัวเองเข้ามาติดกับ และเข้ามุมอับโดยไร้ทางออก
อยากจะหัวเราะเป็นภาษาสวาฮีลี แต่ไม่มีเวลาเปิดหาดิกชันนารีออนไลน์
เลยได้แค่เตรียมตัวกับเวลาช่วงสุดท้าย ที่จะได้แสดงความสามารถที่มีอยู่ออกไป
ยังไงๆ แม้ไม่มีอะไรหลงเหลือแม้แต่ชื่อที่ไม่มีใครจะคิดเสาะหาก็ตาม
ก็จะฝากฝีมือให้จดจำตำนานลูกหลานนายขนมต้ม ทุกวันนี้เด็กๆไม่จำแล้วเพราะขนมต้มไม่มีขายในเซเว่น
เอาละว่ะ ตัดสินพุ่งตัวเงียบกริปออกจากห้องไปยังระเบียงกลางห้องชั้นสอง
อยู่ในห้องต่อไปก็ไม่มีทางออก เล็งหามุมอับนั่งซุกตัวอย่างเงียบกริบ มีโต๊ะเก่าๆวางเกะกะ
เห็นมีช่องว่างระหว่างฝาพอที่จะแทรกตัวเข้าไปได้
โดยอาศัยถ้าไม่ทันสังเกตดี ๆ ก็จะมองผ่านออกไปยังห้องอื่นๆโดยไม่ติดใจมุมนี้
เสียงฝีเท้าเดินขึ้นมาแบบไม่เร่งรีบเพราะได้เปรียบทั้งจำนวนและเครื่องมือ
เสียงคุยกันแสดงความมั่นใจอย่างเต็มที่
ว่าวันนี้พวกมันชนะแน่ แม้ไม่ต้องครวญเพลง ต้องสู้ถึงจะชนะ ของพี่สาวเจินเจิน บุญสูงเนินก็ตาม
กลับตัวก็ไม่ได้จะเดินต่อไปก็ไปไม่ถึง
พี่เบิร์ดนะพี่เบิร์ด แต่งเพลงนี้มาเพื่องานนี้เลยใช่ไหม
ถ้ารอดกลับไปจะไปหอมแก้มซักสองที ให้โบทอกละลายติดจมูกมาเลยงานนี้คอยดูเถอะ
“จุดจบ”
พระเจ้าช่วยกล้วยทอด บทรำพึงสุดท้ายในใจทำไมต้องช่วยกล้วยทอด
ช่วยกรูดีกว่าไหม
ตึ่กตั่ก ๆ ตึ่กตั่ก ๆ เสียงหัวใจไม่ได้เสริมใยเหล็ก ดังขึ้นมาเป็นจังหวะเหน่อๆตามสไตล์พี่มาด เจ้าของเพลง
พร้อมๆกับเสียงฝีเท้าทั้งหกข้าง เอ๊ะ ทำไม ฟังเหมือนมีมากกว่านั้น
รีบล้มตัว
นอนเอาหูแนบพื้นอาศัยเคยฝึกวิชาหูเบาที่เขาเหลียงซานกับอาจารย์ยิ่งศักดิ์มาพักนึง
หรือว่ามีอีกหน่วยที่ได้รับมอบหมายนอกเหนือจากหน่วยเราเข้ามาตรวจความเรียบร้อย
ไม่เคยมีนี่นา
หรือว่างานลับมันเป็นไปได้ทุกอย่าง ถ้าเป็นเช่นนั้นได้ก็จะดีสำหรับเรา ไม่แน่ เราอาจมีทางรอด
หรืออาจจะเป็นพวกมันอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามาดูว่าได้จัดการเราเป็นที่เรียบร้อยจนแน่ใจ
นึกไปถึงฉากที่ให้ลูกน้องทรยศต้องจัดการลูกพี่เก่าต่อหน้านายใหม่
เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในการเข้าแก๊งค์
ก็ดี ไหนๆก็จะไม่อยู่แล้ว อยากจะรู้เหมือนกันว่าหัวหน้าใหญ่ของมันคือใครกันแน่?
มุมที่นอนตะแคงแนบฝุ่นอยู่เห็นแต่เท้าสามคู่โผล่มาบนพื้นชั้นสอง
ค่อยๆเดินตรงเข้ามากลางบ้าน ท่าทางระวังตัวไม่รีบร้อน
เท้าคู่หนึ่งเดินมาเหมือนสงสัยโต๊ะที่เขานอนซ่อนตัวอยู่
อีกสองคนแยกย้ายออกไปค้นหาตามห้องที่มีอยู่ในตัวบ้าน พักเดียว เสียงก็ดังขึ้น
“เจอไหม” เสียงร้องถามกันในกลุ่ม
“ยังพี่ มารวมกันที่นี่ที่เดียวดีกว่า” เสียงเหมือนสงสัยอะไรบางอย่าง
เออ รอมาเจอรวมกัน อย่างน้อยถ้ามีอะไรขึ้นมาก็จะได้แลกกัน ยังไงมันต้องมีสูญเสียบ้างก็ยังดี
อารมณ์เพลงได้อย่างเสียอย่าง ของน้าป้อมอัสนี แอบลอยขึ้นมาในความคิด
เท้าทั้งหมดเคลื่อนมาจุดรวมกลางบ้านก่อนยืนคุยกันสักพัก
แล้วเดินเรียงหน้ากระดานเข้ามายังจุดที่เขาซ่อนอยู่
ไอ้หวังตายแน่ ตายแน่ไอ้หวัง ยืมชื่อมาใช้แพร้บ เพราะตอนนี้คิดเพลงอื่นไม่ออก
ถึงจะไม่ได้ชื่อหวังแต่ในใจก็คิดว่าหมดหวังแน่ๆ
ทันใดนั้น ขณะที่ขาทั้งสามคนแต่เดินขยับเข้ามา
แอบเหลือบไปเห็นว่าพวกมันไม่ทันสังเกตเท้าคู่หนึ่งตามขึ้นมาบนชั้นสองอย่างเงียบๆ
เท้าของคนทั้งสามมายืนหยุดรอหน้าโต๊ะที่ผมซ่อนตัวอยู่
ยืนรอสัญญาณที่ซุบซิบนัดหมายกันว่าจะทำอะไรอยู่นั้น คงจะแน่ใจแล้วว่าผมอยู่ตรงนี้
พวกมันยืนล้อมเงียบๆแบบนี้สงสัยกำลังให้สัญญาณมือเพื่อเตรียมลงมือแน่นวล
รอจังหวะสัญญาณสั่งการสุดท้ายแค่นั้นเอง
เราเองก็ต้องกลั้นใจตัวเองใช้เพลงปลอบใจในครั้งสุดท้าย
ไม่ต้องห่วงฉัน ของพี่เสก โซโล เอ๊ย โลโซ อย่างไม่มีทางเลือก
ก่อนที่ทุกคนจะคาดคิดก็มีเสียงดังลั่นดังขึ้นมาจากบุคคลนิรนามด้า
เดือนเอก
สมาชิก
เดือนเอก
11 พ.ย. 2565 07:50 #1
(ต่อ)
ก่อนที่ทุกคนจะคาดคิดก็มีเสียงดังลั่นดังขึ้นมาจากบุคคลนิรนามด้านหลังก็ดังขึ้นทันที
“ไอ้จ้อย ไอ้ชาย ไอ้ชิต ไอ้เปี๊ยก”
เสียงทรงพลังคล้ายๆมีอำนาจแฝงบางอย่างอยู่
แสดงว่าเจ้าของเสียงต้องมีอะไรดีแน่ๆอย่างไม่ต้องสงสัย
กรรม
ฉุกใจวาบ
ทำไมรู้ชื่อเราด้วย
เสียงฟังไม่ถนัดว่าเป็นเสียงใครเพราะใจกำลังเต้นตูมตาม
ประสาทหูอื้อต่อเหตุการณ์ตรงหน้าที่ต้องตัดสินว่าจะทำยังไงต่อไปดี
“ยายบอกกี่ทีแล้ว ว่าพวกเอ็งอย่ามาเล่นซ่อนแอบในบ้านคนอื่นเขา
รีบกลับไปอาบน้ำกินข้าวก่อนจะโดนไม้เรียวนี่”
แย่แว๊ว “ยายมา” เสียงดังขึ้นพร้อมกัน
สิ้นเสียงสุดท้าย ไม่หวานคล้ายเสียงเพลงรถด่วนขบวนสุดท้าย ของคนวัยแบบยายคือแม่ผ่องศรี
หลานๆทั้งหมดที่มีแตกกระจายไปคนละทิศละทาง
ราวกับระเบิดลงกลางวงข้าว
ภารกิจวันนี้ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า
ฝากไว้ก่อนเถอะโอฬาร หลังคาบ้านรุ่นโบราณได้โฆษณาไว้
เพลงสุดท้ายไม่รู้จะใช้เพลงอะไร เพราะวงแตกเสียแล้ว
พบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ
ถ้ายายที่บ้านไม่กักบริเวณเสียก่อน
สวัสดี
เดือนเอก
สมาชิก
ดินสอสีเลือด
11 พ.ย. 2565 08:39 #2
เข้ามาอ่านค่ะ เรื่องนี้อ่านแล้วสนุกดีค่ะคุณเดือนเอก
ขอบคุณที่คิด และเขียนออกมาให้ได้อ่านนะคะ :-)
ดินสอสีเลือด
สมาชิก
Admin_support
11 พ.ย. 2565 08:49 #3
ขอบคุณคุณเดือนเอก มาก ๆ ที่เอาเรื่องสั้นมาวางให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันค่ะ
ว่างเมื่อไร เอามาวางอีกนะคะ :-)
ขอบคุณที่คิด และเขียน ออกมาให้ได้อ่านค่ะ
Admin_support
ผู้ดูแล